นี่คือบทความเปรียบเทียบคณะจิตวิทยาจาก 8 มหาวิทยาลัยชั้นนำของไทย เพื่อช่วยน้องๆ ที่กำลังตัดสินใจเลือกเรียนต่อในสาขาจิตวิทยา การเลือกมหาวิทยาลัยที่ใช่เป็นจุดเริ่มต้นสำคัญของการก้าวสู่เส้นทางอาชีพนักจิตวิทยา บทความนี้รวบรวมข้อมูลสำคัญทั้งหลักสูตร จุดเด่น โอกาสการทำงาน และค่าเทอมจากแต่ละมหาวิทยาลัย เพื่อให้น้องๆ เปรียบเทียบและตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
ภาพรวมคณะจิตวิทยาในประเทศไทย
ปัจจุบันมีมหาวิทยาลัยในไทยที่เปิดสอนหลักสูตรจิตวิทยาระดับปริญญาตรีมากกว่า 20 แห่ง แต่ในบทความนี้จะเน้นเปรียบเทียบ 8 มหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีชื่อเสียงด้านจิตวิทยา ได้แก่:
- จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
- มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
- มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
- มหาวิทยาลัยมหิดล
- มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
- มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
- มหาวิทยาลัยบูรพา
- มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
เปรียบเทียบหลักสูตรและจุดเด่น
จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
คณะ: จิตวิทยา คณะจิตวิทยา
หลักสูตร: วิทยาศาสตรบัณฑิต (จิตวิทยา)
ระยะเวลาเรียน: 4 ปี
ค่าเทอม/ปี: ประมาณ 21,000 บาท
จุดเด่น:
- เน้นการวิจัยและการประยุกต์ใช้จิตวิทยาในบริบทไทย
- มีห้องปฏิบัติการจิตวิทยาที่ทันสมัย
- คณาจารย์มีความเชี่ยวชาญหลากหลายสาขา
- โอกาสฝึกงานกับองค์กรชั้นนำ
มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
คณะ: จิตวิทยา คณะศิลปศาสตร์
หลักสูตร: ศิลปศาสตรบัณฑิต (จิตวิทยา)
ระยะเวลาเรียน: 4 ปี
ค่าเทอม/ปี: ประมาณ 18,000 บาท
จุดเด่น:
- เน้นการบูรณาการจิตวิทยากับศาสตร์อื่นๆ
- มีความร่วมมือกับสถาบันต่างประเทศ
- เน้นการฝึกปฏิบัติจริง
- มีคลินิกจิตวิทยาให้นักศึกษาฝึกงาน
แนวทางการประกอบอาชีพ
ผู้จบการศึกษาด้านจิตวิทยาสามารถประกอบอาชีพได้หลากหลาย เช่น:
- นักจิตวิทยาคลินิก (ต้องเรียนต่อเฉพาะทาง)
- นักแนะแนวและให้คำปรึกษา
- นักจิตวิทยาอุตสาหกรรมและองค์การ
- นักพัฒนาทรัพยากรมนุษย์
- นักวิจัยพฤติกรรมผู้บริโภค
- นักจิตวิทยาการศึกษา
เกณฑ์การรับสมัครและคะแนนสอบ
แต่ละมหาวิทยาลัยมีเกณฑ์การรับที่แตกต่างกัน โดยทั่วไปจะพิจารณาจาก:
- คะแนน GPAX
- คะแนน GAT/PAT
- คะแนน O-NET
- การสอบสัมภาษณ์
- แฟ้มสะสมผลงาน (สำหรับ Portfolio)
คำถามที่พบบ่อย
Q: จิตวิทยาเรียนยากไหม?
A: ความยากขึ้นอยู่กับความถนัดและความสนใจส่วนบุคคล แต่โดยทั่วไปต้องเรียนทั้งทฤษฎีและปฏิบัติ มีการทำวิจัย และต้องฝึกทักษะการให้คำปรึกษา
Q: จบแล้วทำงานอะไรได้บ้าง?
A: มีทางเลือกหลากหลาย ทั้งสายคลินิก องค์กร การศึกษา วิจัย หรือการให้คำปรึกษา ขึ้นอยู่กับความสนใจและการเลือกเรียนวิชาเฉพาะทาง
Q: ควรเลือกเรียนที่ไหนดี?
A: พิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น ความสนใจเฉพาะด้าน ที่ตั้ง ค่าใช้จ่าย โอกาสการฝึกงาน และความพร้อมของสถาบัน
แนวโน้มอาชีพด้านจิตวิทยาในอนาคต
อาชีพด้านจิตวิทยามีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง เนื่องจาก:
- การให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตมากขึ้น
- ความต้องการที่ปรึกษาด้านจิตวิทยาในองค์กร
- การพัฒนาด้านการศึกษาและการพัฒนาเด็ก
- การเติบโตของธุรกิจด้านการให้คำปรึกษาออนไลน์
สรุป
การเลือกเรียนจิตวิทยาเป็นการตัดสินใจสำคัญที่ต้องพิจารณาหลายปัจจัย ทั้งความสนใจส่วนตัว จุดเด่นของแต่ละสถาบัน โอกาสการทำงาน และค่าใช้จ่าย แต่ละมหาวิทยาลัยมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าเป้าหมายการประกอบอาชีพในอนาคตของคุณคืออะไร