ปีนี้ใครเล็งหมอจุฬาภรณ์บ้าง?
ถ้าคุณเป็นนักเรียน ม.ปลาย (หรือครู/ผู้ปกครองที่กำลังช่วยวางแผนให้เด็ก ๆ) และมีเป้าหมายเข้าคณะแพทยศาสตร์ ศรีสวางควัฒน แห่งราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ ปีการศึกษา 2569 บทความนี้เขียนมาเพื่อคุณเลยค่ะ เรารวบรวม เกณฑ์ล่าสุด แบบอ่านง่าย ครอบคลุมทั้ง 3 รอบ ที่เปิดรับ ได้แก่ รอบที่ 1 Portfolio (โครงการเพชรจุฬาภรณ์), รอบที่ 2 Quota (โครงการปณิธานจุฬาภรณ์) และ รอบที่ 3 กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท)
ไฮไลต์ที่ต้องรู้ให้ไว: ไม่รับวุฒิเทียบอย่าง GED/IGCSE สำหรับรอบ Portfolio, เน้น ภาษาอังกฤษตามเกณฑ์ (IELTS/TOEFL iBT) และต้องมี Portfolio 10–20 หน้า พร้อมเรียงความตามหัวข้อที่กำหนดชัดเจน เก็บบทความนี้ไว้เป็นเช็กลิสต์ก่อนสมัคร รับรองช่วยลดความพลาดได้เยอะ!
ทำความรู้จักคณะอย่างไว: คณะแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน
คณะแพทยศาสตร์ศรีสวางควัฒน สังกัดราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ มุ่งผลิตแพทย์ที่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์สมัยใหม่ ควบคู่กับคุณธรรมและจิตสาธารณะ หลักสูตรแพทยศาสตรบัณฑิตออกแบบให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติจริงทั้งด้านวิชาการและงานบริการสุขภาพ โดยเชื่อมโยงกับเครือข่ายโรงพยาบาลและหน่วยวิจัยที่แข็งแรง เหมาะกับเด็กสายวิทย์ที่ชอบการเรียนรู้เชิงลึกและอยากทำงานเพื่อสังคมในอนาคต
จำนวนรับ & รอบการคัดเลือก TCAS69 (ปีการศึกษา 2569)
ตารางภาพรวมจำนวนรับปีนี้ชัด ๆ ดังนี้
รอบ | โครงการ | จำนวนที่นั่ง |
---|---|---|
รอบที่ 1 | Portfolio (โครงการเพชรจุฬาภรณ์) | 14 |
รอบที่ 2 | Quota (โครงการปณิธานจุฬาภรณ์) | 4 |
รอบที่ 3 | กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท) | 14 |
ภาพรวมแต่ละรอบ เหมาะกับใคร?
- Portfolio: เหมาะกับน้องที่เตรียมตัวมาดีทั้งด้านเกรด กิจกรรม งานวิจัย/โครงงาน และมีเรื่องเล่าที่ชัดเจนในพอร์ต เน้น “ภาพรวมตัวตน” และ “แรงบันดาลใจสู่แพทย์”
- Quota (ปณิธานจุฬาภรณ์): สำหรับนักเรียนโรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย (เรียนอย่างน้อย 3 ปี) ที่มีคะแนนวิทย์-คณิต-อังกฤษแน่น และมีผลสอบตามเกณฑ์
- กสพท: เส้นทางหลักของเด็กแพทย์ทั่วประเทศ เน้นการสอบร่วมและเกณฑ์กลางของ กสพท ใครถนัดแนวสอบมาตรฐานเลือกทางนี้ได้เลย
ทิปส์: จำนวนที่นั่งจำกัดมาก ทุกที่นั่งมีค่า วางแผนสมัครหลายรอบที่เหมาะกับโปรไฟล์ของตัวเองเพื่อเพิ่มโอกาส
รอบที่ 1: Portfolio (โครงการเพชรจุฬาภรณ์)
1) คุณสมบัติเฉพาะด้านวุฒิการศึกษา
- สำเร็จการศึกษาหรือกำลังศึกษา ม.6 (กระทรวงศึกษาธิการ) หรือ Grade 12 (อเมริกัน) หรือ Year 13 (อังกฤษ)
- ไม่รับวุฒิเทียบ เช่น GED/IGCSE หรือการสอบเทียบอื่น ๆ
- นักเรียนจากโรงเรียนนานาชาติ/ต่างประเทศที่ ต้องการเทียบ GPAX ให้ดำเนินการผ่านระบบออนไลน์ที่กำหนด (ใช้เพื่อเทียบ ค่ารวม GPAX เท่านั้น ไม่เทียบเกรดรายวิชา)
2) ผลการเรียน/ผลการสอบ
- GPAX (ตั้งแต่ม.4 ถึงวันสมัคร) ≥ 3.50
- มี ทางเลือกคะแนน อย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ (เลือกให้ตรงกับระบบที่เรียน):
- เกรดเฉลี่ย 3 วิชา ได้แก่ ชีววิทยา เคมี และ คณิตศาสตร์หรือฟิสิกส์ แต่ละวิชา ≥ 3.50
- AS/A Level 3 วิชา: Biology, Chemistry, Mathematics/Physics โดย แต่ละวิชาเกรด A ขึ้นไป
- IB: Biology (HL) และ Chemistry (HL) ≥ 6 และ Mathematics อย่างน้อย SL ≥ 6 หรือ HL ≥ 5
- AP: Biology, Chemistry, Calculus AB/BC หรือ Physics (Algebra-Based) แต่ละวิชา คะแนน ≥ 4
3) ภาษาอังกฤษ (เลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง)
- IELTS Academic ≥ 5.5 หรือ
- TOEFL iBT ≥ 70
หมายเหตุ: อายุผลไม่เกิน 2 ปี นับจากวันปิดรับสมัคร
4) ข้อกำหนด Portfolio
- ความยาว 10–20 หน้า (A4) รวมหน้าปก
- ฟอนต์ Cordia New ขนาด ≥16
- เนื้อหาควรมี: ประวัติส่วนตัว, ผลงานวิจัย/วิชาการ/รางวัล, กิจกรรมจิตอาสา/เพื่อสังคม
- เรียงความภาษาอังกฤษ ความยาว 800–1,000 คำ (เลือก 1 หัวข้อ)
- ความล้มเหลวหรือความผิดพลาดในอดีต และสิ่งที่ได้เรียนรู้
- ความสำเร็จหรือประสบการณ์ที่ดีในอดีตที่มีผลต่อชีวิตในปัจจุบัน
กล่องทริค: ทำพอร์ตยังไงให้เข้าตา
- เปิดด้วย Why Medicine ที่จริงใจ ไม่เลื่อนลอย เชื่อมกับประสบการณ์ของเรา
- ใช้โครงเล่าเรื่อง STAR + Reflection (Situation-Task-Action-Result + สิ่งที่เรียนรู้) ในแต่ละกิจกรรม
- หลักฐานต้อง ตรวจสอบได้: ใบประกาศ, รูปกิจกรรม, โปสเตอร์งานวิจัย, QR ลิงก์ผลงาน
- จัดหน้าให้อ่านง่าย: หัวข้อชัด, อินโฟกราฟิกสั้น ๆ, รูปไม่รก, ข้อความไม่ยาวพร่ำเพรื่อ
- ปิดท้ายด้วย สกิลที่พร้อมพัฒนาในรั้วแพทย์ เช่น ทีมเวิร์ก การสื่อสาร จริยธรรมวิชาชีพ
รอบที่ 2: Quota (โครงการปณิธานจุฬาภรณ์)
1) คุณสมบัติของผู้สมัคร
- เป็นนักเรียน โรงเรียนวิทยาศาสตร์จุฬาภรณราชวิทยาลัย และต้องศึกษาในโรงเรียนดังกล่าว อย่างน้อย 3 ปีการศึกษา
2) ผลการเรียนและคะแนนที่ใช้
- GPAX ระดับ ม.ปลาย (ม.4 ถึงวันสมัคร) ≥ 3.50
- GPA รายวิชา (ชีววิทยา, เคมี, คณิตศาสตร์หรือฟิสิกส์, ภาษาอังกฤษ) แต่ละวิชา ≥ 3.50
- ผลสอบที่ต้องมี:
- TPAT1 (วิชาเฉพาะ กสพท)
- A-Level 4 วิชา: ชีววิทยา, เคมี, ฟิสิกส์, คณิตศาสตร์ประยุกต์ 1
- คะแนนภาษาอังกฤษ: ใช้ A-Level English หรือ IELTS/TOEFL iBT ตามเกณฑ์
3) Portfolio & เรียงความ
- Portfolio 10–20 หน้า (A4) ฟอนต์ Cordia New ≥16
- เรียงความภาษาไทย 800–1,000 คำ (เลือก 1 หัวข้อเดียวกับรอบ Portfolio)
- ความล้มเหลว/ความผิดพลาดในอดีต และสิ่งที่ได้เรียนรู้
- ความสำเร็จ/ประสบการณ์ที่ดีในอดีตที่มีผลต่อชีวิต
กล่องทริค: เด็ก จภ. เตรียมรอบโควตายังไงให้ชัวร์
- วางแผน สมดุล 3 แกน: เกรดวิชาหลัก – คะแนนสอบ – พอร์ต/งานวิทยาศาสตร์
- ทำคลัง โน้ตสรุป A-Level & TPAT1 ที่อัปเดตล่าสุด พร้อมตารางทบทวนรายสัปดาห์
- เก็บ หลักฐานโครงงาน/นวัตกรรม/งานแข่งวิทย์ ให้ครบ (ภาพ, ใบประกาศ, abstract)
- จำลองสัมภาษณ์: แนวคิดจริยธรรมแพทย์ สถานการณ์ผู้ป่วย ทักษะการสื่อสารและทีมเวิร์ก
รอบที่ 3: กลุ่มสถาบันแพทยศาสตร์แห่งประเทศไทย (กสพท)
กสพท คือระบบสอบคัดเลือกร่วมของคณะแพทยศาสตร์ทั่วประเทศ โดยจะมี เกณฑ์และโครงสร้างคะแนนกลาง ของตนเอง ผู้สมัครที่เลือกเส้นทางนี้ควรติดตามประกาศ กสพท ประจำปีอย่างใกล้ชิด ทั้งเรื่อง คุณสมบัติ, รูปแบบข้อสอบ, ช่วงเวลาสมัคร, เอกสารที่ต้องใช้ และรายละเอียดวันสอบ/วันประกาศผล
ทิปส์ทางสู้กสพท:
- วางแผนคะแนนทีละหมวด พร้อมทำ เดดไลน์ย่อย รายสัปดาห์
- ทำข้อสอบเก่าย้อนหลัง จับเวลาเสมือนจริง เพื่อฝึก บริหารเวลา และ ต้านความกดดัน
- ดูแล สุขภาพกาย–ใจ: นอนให้พอ กินให้ครบ ออกกำลังกายสั้น ๆ สม่ำเสมอ
ไทม์ไลน์การสมัคร & สิ่งที่ต้องเตรียม (เช็กลิสต์ใหญ่)
แม้วัน-เวลาจริงให้ยึดประกาศทางการ แต่โครงภาพรวมจะเป็นลำดับประมาณนี้
- ประกาศเกณฑ์รับสมัคร → 2) เปิดรับสมัคร → 3) ยื่นพอร์ต/อัปโหลดคะแนน → 4) สอบ/สัมภาษณ์ → 5) ประกาศผล
เอกสารที่มักต้องใช้
- ปพ./Transcript ล่าสุด (ตรวจชื่อ-สกุล ไทย/อังกฤษให้ตรงทุกเอกสาร)
- ผลสอบภาษาอังกฤษ (ตรวจ อายุผล ≤ 2 ปี) และผลสอบระบบที่เลือก (A-Level/IB/AP/TPAT1 ฯลฯ)
- หลักฐานกิจกรรม/โครงงาน/รางวัล (สแกนชัดเจน)
- รูปถ่ายตามสเปกที่ระบุ
- ไฟล์ Portfolio (PDF) ตามข้อกำหนดขนาดไฟล์และจำนวนหน้า
ข้อควรระวังยอดฮิต
- ใช้ฟอนต์/ขนาดไม่ตรงเกณฑ์, พอร์ตเกิน/ขาดหน้า
- ชื่อ–สกุลสะกดไม่ตรงทุกเอกสาร
- ผลสอบอังกฤษหมดอายุ หรืออัปโหลดไฟล์ผิดเวอร์ชัน
- ไม่เช็กระบบสมัครออนไลน์ให้ครบทุกช่องก่อนกดส่ง
พอร์ตดีมีชัย: โครงสร้าง + ไอเดียเล่าเรื่อง
สัดส่วนหน้า (แนะนำ):
- ปก & สารบัญ (1–2 หน้า)
- Profile & Why Medicine (1–2 หน้า)
- Research/Academic Awards (3–6 หน้า)
- Volunteering/Leadership/Clubs (2–4 หน้า)
- Soft Skills & Reflection (1–2 หน้า)
- Essay 800–1,000 คำ (2–3 หน้า)
- ภาคผนวก/หลักฐาน (ตามความเหมาะสม)
สูตรเล่าเรื่องให้ทรงพลัง
- ใช้กรอบ STAR + Reflection ทุกกิจกรรม: บอกสถานการณ์ หน้าที่ การลงมือ และผลลัพธ์ จากนั้นสะท้อนว่า “เราเติบโตยังไง” และเกี่ยวข้องกับความเป็นแพทย์ยังไง
- ยก ตัวเลข/ผลลัพธ์จับต้องได้: เช่น จำนวนผู้เข้าร่วม, ชั่วโมงอาสา, ผลลัพธ์โปรเจกต์ (ก่อน–หลัง)
- ใส่ QR/ลิงก์ ไปยังผลงาน (โปสเตอร์, วิดีโอสั้น, preprint) หากมี เพื่อความโปร่งใส
ตัวอย่างหัวข้อพอร์ตที่น่าหยิบมาเล่า
- โครงงานวิทยาศาสตร์/นวัตกรรมการแพทย์ขนาดเล็กที่เราคิดเอง ทดลองเอง
- บทบาทผู้นำในชมรม/ค่าย/โครงการค่ายวิทยาศาสตร์กับชุมชน
- ประสบการณ์ดูแลผู้สูงอายุในครอบครัวที่ทำให้เข้าใจ “การสื่อสารกับผู้ป่วย” มากขึ้น
- โครงการจิตอาสาที่เราติดตามผลอย่างต่อเนื่อง (ไม่ใช่ไปครั้งเดียวแล้วจบ)
เขียน Essay ให้โดน: โครง + Cheat Sheet
โครง 5 ย่อหน้า
- Hook: เปิดด้วยฉาก/เหตุการณ์จริงสั้น ๆ ที่สะกิดใจ
- Background: บริบท ปัญหา หรือความท้าทาย
- Turning Point: จุดเปลี่ยนที่ลงมือทำ/คิดใหม่
- Lesson Learned: บทเรียนและผลลัพธ์ที่ชัดเจน
- Why Medicine/Why CRA: เชื่อมบทเรียนกับเส้นทางแพทย์และคุณค่าที่อยากสร้าง
หัวข้อที่ให้เลือก (สำหรับรอบ Portfolio ภาษาอังกฤษ / รอบ Quota ภาษาไทย)
- ความล้มเหลวหรือความผิดพลาดในอดีต และสิ่งที่ได้เรียนรู้
- ความสำเร็จหรือประสบการณ์ที่ดีในอดีตที่มีผลต่อชีวิตในปัจจุบัน
สิ่งที่กรรมการอยากเห็น
- ความซื่อสัตย์ทางวิชาการ (ไม่แต่งเรื่องเกินจริง, อ้างแหล่งข้อมูลได้)
- Growth Mindset: ผ่านพลาด–แก้ไข–พัฒนาอย่างไร
- ทีมเวิร์ก การสื่อสาร ความเข้าใจผู้คน (empathy) ในสภาพแวดล้อมการแพทย์
เช็กลิสต์ก่อนส่ง
- ความยาว 800–1,000 คำ ตามข้อกำหนด
- สำนวนคงเส้นคงวา / ตรวจแกรมมาร์และการสะกด
- หลีกเลี่ยงคำซ้ำ, ใช้ตัวอย่างเฉพาะเจาะจงมากกว่าคำกว้าง ๆ
- ไม่คัดลอก/ไม่ใช้ AI แบบ “ยกทั้งย่อหน้า” — ควรเขียนเองแล้วใช้เครื่องมือช่วยตรวจทาน
ภาษาอังกฤษที่ต้องใช้: เลือกสอบอะไรดี?
IELTS Academic (≥5.5) vs TOEFL iBT (≥70) — เลือกจาก ความถนัด และ สนามสอบที่เข้าถึงง่าย
เปรียบเทียบย่อ
- IELTS: ฟัง–พูด–อ่าน–เขียน แบ่ง 4 พาร์ตชัดเจน พาร์ต Speaking แบบคุยกับผู้สอบ
- TOEFL iBT: เน้นอินทิกรตทักษะ เช่น อ่าน+ฟัง+เขียน ในข้อเดียว เหมาะกับคนชอบคอมพิวเตอร์เทสต์
ทิปส์เตรียมตัว 4 สัปดาห์ (สรุปเร็ว)
- สัปดาห์ 1: วัดระดับจริงด้วยข้อสอบเต็มชุด → ทำแผนจุดอ่อนรายสกิล
- สัปดาห์ 2–3: ฝึก วันเว้นวัน เน้นพาร์ตอ่อน + เก็บคลังวลีวิชาการ (เช่น cause–effect, contrast)
- สัปดาห์ 4: จำลองสอบทุก 3 วัน + นอนให้พอ, จัดเวลาพักสายตา ลดความเครียด
จำไว้: ตรวจ อายุผลสอบ ≤ 2 ปี และเผื่อเวลาสอบ รอบซ่อม หากคะแนนยังไม่ถึงเกณฑ์
FAQ: คำถามที่พบบ่อย
Q1: รับวุฒิเทียบ (GED/IGCSE) ไหม?
A: ไม่รับสำหรับรอบ Portfolio ตามเกณฑ์กำหนด
Q2: พอร์ตเกิน 20 หน้าได้ไหม?
A: ควร ยึดตามเกณฑ์ 10–20 หน้า (รวมปก) เพื่อความเรียบร้อยและสอดคล้องประกาศ
Q3: ภาษาอังกฤษใช้คะแนนอะไรได้บ้าง?
A: IELTS Academic ≥ 5.5 หรือ TOEFL iBT ≥ 70 (อายุผลไม่เกิน 2 ปี) รอบโควตาใช้ A-Level English ได้ด้วย
Q4: ถ้า GPAX ใกล้ 3.50 ทำอย่างไรดี?
A: เสริมความแข็งแรงด้วยคะแนนระบบที่เลือก (AS/A/IB/AP) ให้ถึงขั้นต่ำ ชูพอร์ตที่มี คุณภาพ–หลักฐานแน่น และสื่อสารแรงจูงใจชัดเจน
Q5: ไม่มีผลงานวิจัยใหญ่ ๆ จะเสียเปรียบไหม?
A: ไม่จำเป็นต้อง “ใหญ่” แต่ต้อง จริง ตรวจสอบได้ และมีผลลัพธ์ เล่าให้เห็นการคิดและทักษะที่เติบโต
Q6: รอบกสพท ต้องรู้อะไรบ้าง?
A: เป็นไปตามเกณฑ์ของ กสพท ในแต่ละปี ควรเช็กประกาศล่าสุดเรื่องคุณสมบัติ โครงสร้างคะแนน และกำหนดการ
สรุปปิดท้าย
สู่เส้นทางหมอปี 2569 ที่ราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์: หัวใจคือ เกรด–คะแนน–ภาษา–พอร์ต ต้องครบ ตามเกณฑ์ และเล่าเรื่องตัวตนอย่างมีความหมาย จำนวนที่นั่งมีจำกัด อย่ารอให้ทุกอย่าง “พร้อม 100%” ค่อยเริ่ม — ลงมือวางแผนวันนี้ เก็บหลักฐานให้ครบ ตรวจคุณสมบัติให้เป๊ะ และให้บทความนี้เป็น เช็กลิสต์คู่มือ ระหว่างทางนะคะ หากมีคำถามเฉพาะทาง (เช่น การเทียบ GPAX ของหลักสูตรนานาชาติ) แนะนำให้ติดต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหรือเช็กประกาศทางการล่าสุดเพื่อความชัวร์
ขอให้ทุกคนโชคดีกับ TCAS69! 🎓🩺